วันพุธที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2565

วิธีการ ซื้อรถมือสอง

 1.ภายนอก 

เริ่มดูกันตั้งแต่รูปทรงของตัวรถว่าบิดเพี้ยนไปหรือไม่ให้ดูว่าตัวรถมีรูปทรงบุบหรือเสียรูปทรงหรือไม่

เน้นดูตาม กันชนหน้า ไฟหน้า ฝากระโปรง ต้องให้อยู่ในแนวที่ขนานกันช่องว่างระหว่างตัววัสดุต้องไม่ชิดหรือเสียรูป

ไป เช่นไฟหน้าใหม่ข้าง เก่าข้าง ฝากระโปรงไม่นูนหรือเสียรูป หลังคารถให้ดูแนวโค้งของตัวหลังคาว่าบุบหรือเสี

ยรูปหรื่อไม่ เสาหน้า เสากลาง เสาหลัง ว่ามีเสาบิดหรือไม่ได้รุปทรงหรือไม่ กันชนหลังให้ดูแนวความตรงของกันชน 

ฝากระโปรงหลัง ว่าแนวช่องว่างขนานกันหรือไม่ 

สีของตัวรถต้องเรียบเนียน ความเสมอของเนื้อสี ตำหนิต่างๆที่เป็นจุดสังเกตเพื่อให้เป็นข้อสันนิษฐานของตัวรถว่า

เหตุที่ทำสีนี้เกิดจากอะไร ชนหนักมา หรือแต่เก็บรอยขูดขีดธรรมดา

2.ภานใน

ภายในนั้นดูไม่ยากครับ ให้ดูสีของตัวเบาะว่าสีเสมอกันมั้ย ความสะอาด รอยยับ การใช้โดยที่ต้องไม่โทรมเอาให้ที่

เรารับได้เป็นอันใช้ได้ ครับ

3.ช่วงล่างและยาง 

เริ่มต้นให้เริ่มดูที่ตัวยางรถ ว่าสภาพยางเป็นอย่าง เช่นมีรอยฉีกขาด รอยร้าว ดอกยาง ความลึกของร่องยาง และปี

ของยางว่ายังอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานต่อได้มั้ย เพราะยางนั้นถือเป็นอะไหล่สิ้นเปลืองทางศูนย์รถมือสองก็อาจจะไม่

เปลี่ยนให้

ตัวช่วงล่าง ให้หาดูรอยรั่วซึม ต่างๆ ถ้าเป็นไปได้ให้ลองหมุนล้อดู หรือทดลองขับ เวลาทดลองขับให้เน้นฟัง

เสียงว่ามีเสียงตรงไหนผิดปกติหรือไม่ ดูการยึดเกาะถนนว่ารถโยนหรือไม่ วิ่งผ่านลูกระนาดแล้วมีเสียงกระแทกของ

โช๊คอัพหรือไม่ 

4.ระบบไฟฟ้า

ในส่วนของตัวนี้เช็คไม่ยากครับ ให้ทดลองเปิดการทำงานของระบบโดยที่เปิดไม่อยากโดยให้เราถามจากทางผู้

ขายได้เลย แล้วเราก็จะทราบว่าอุปกรณ์ไหนใช้ได้ 

5.เครื่องยนต์

ส่วนของเครื่องยนต์เป็นอะไรที่อยากที่สุดเพราะหัวใจของรถก็คือเครื่องยนต์ รับซื้อรถยนต์ การดูนั้นต้องอาศัยประสบการณ์อย่างมาก แต่วันนี้มีแนะนำการดูเครื่องยนต์ง่ายๆมานำเสนอครับ 

เริ่มจากหาดูรอยรั่วซึมของตัวเครื่องยนต์ อาการของเครื่องยนต์ ว่ามีการกระตุกหรือไม่ สั่นแรงเกินไปหรือป่าวเสียงที่ตัวเครื่องดังเกินไปมั้ย โดยเปรียบเทียบง่ายจากรถรุ่นเดียวกันเลย โดยให้สตาร์ทเครื่องยนต์ที่ละคันแล้วเปรียบเทียบอาการดังที่กล่าวต้นได้เลยครับ

6.เกียร์

ส่วนการทดลองเกียร์ ให้เริ่มจากสตาร์ทเครื่องแล้วลองเข้าเกียร์ รับซื้อรถมือสอง เกียร์จะต้องไม่มีการกระตุกหรือให้เราเข้าเกียร์แล้วเหยียบเบรคข้างไว้แล้วเร่งเครื่องไปที่ 2,000รอบ เพื่อเป็นการทดสอบเกียร์โดยรอบ เครื่องยนต์ต้องไม่กระชาก ถือว่าเกียร์ปกติแล้วปล่อยคันเร่งแต่ถ้ารอบเครื่องยนต์ขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึง 2,000-2,500 รอบอันนี้แสดงว่า คลัทซ์มีปัญหาแล้วครับ 

7.ระบบบังคับเลี้ยว

ให้เราสตาร์เครื่องยนต์แล้วลองโยกพวงมาลัยดูแล้วให้สังเกตเสียงของพวงมาลัย หรือการหมุนว่ามีว่ามีอาการติดหรือ

กระตุกหรือไม่ หรือหนักเกินไปไหม ถ้ามีไม่อาการก็อถือว่าปกติ

8.เอกสารของตัวรถ 

เล่มรถ โดยให้ดูว่าเจ้าของกี่ลำดับ และที่หน้า18 ก็จะมีการบันทึกประวัติไว้ให้สังเกตดู2จุดนี้

ชุดโอน ว่าลูกค้าท่านเก่าได้เซ็นต์โอนไว้หรือป่าว 

Book service เพราะรถแต่ละคันจะมีBook service อยู่ ถ้ามีตัวนี้ก็จะทำให้เราง่ายต่อการเช็คประวัติรถคันนั้น