วันศุกร์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ทำบ้านให้แสนสุข ปราศจากกลิ่นไม่พึงประสงค์

    ต่อให้บ้านสวยแค่ไหน มีเฟอร์นิเจอร์ดีไซน์เก๋ แต่ถ้ามีกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ ก็คงไม่สามารถทำให้คนที่อยู่บ้านนั้นมีความสุขได้ ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นอับในตู้เสื้อผ้า กลิ่นหมักหมมของอาหาร กลิ่นของห้องน้ำ ฯลฯ ทั้งหมดนี้ควรต้องรีบหาทางกำจัดทิ้งไป เพราะนอกจากจะทำให้เสียบรรยากาศแล้วอาจจะส่งผลเสียต่อสุขภาพได้อีกด้วย
     
       ดังนั้นวันนี้เรามีวิธีช่วยให้บ้านคุณกลายเป็นบ้านอันแสนสุข ที่สมาชิกที่คนอยู่ได้อย่างสบายใจด้วยเทคนิคการกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ซึ่งทาง แอมบิเพอร์ แบรนด์ผลิตภัณฑ์ที่เชี่ยวชาญด้านการขจัดกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ แนะนำมาดังนี้

ทำบ้านให้แสนสุข ปราศจากกลิ่นไม่พึงประสงค์

       1. ห้องครัว ถือเป็นสถานที่สำคัญที่ก่อให้เกิดกลิ่น ทั้งกลิ่นอาหาร ไปจนถึงกลิ่นรบกวนจากขยะ จึงควรเริ่มต้นกำจัดสาเหตุของกลิ่นเหม็นรบกวนด้วยการกำจัดขยะสดเป็นประจำทุกวัน ปิดปากถุงให้มิดชิดและนำไปทิ้งบริเวณนอกบ้านในที่ที่เหมาะสม ที่สำคัญควรทำความสะอาดเศษอาหารที่ตกหล่นในบริเวณห้องครัวอยู่เสมอ เพราะกลิ่นส่วนใหญ่จะเกิดจากการหมักหมมและเน่าสลายของเศษอาหารเหลือทิ้งในขยะ วิธีนี้นอกจากจะช่วยกำจัดต้นตอของการเกิดกลิ่นแล้ว ยังช่วยลดจำนวนเหล่าแมลงและหนูที่หวังจะมาจัดปาร์ตี้ในบ้านคุณอีกด้วย
     
       2. มะนาว รสเปรี้ยวเข็ดฟัน ช่วยขจัดกลิ่นคาวได้ชะงัก เพียงผ่าซีกแล้วนำมาถูตามเครื่องใช้ในครัวเรือนต่างๆ ที่มีกลิ่นคาว หรือนำมาถูกับฝ่ามือ ช่วยให้มือเนียนนุ่มไร้กลิ่นกวนใจ ส่วนเปลือกมะนาวหรือแม้กระทั่งเปลือกส้มก็ยังช่วยลดกลิ่นเหม็นจากถังขยะได้อีกด้วย

ทำบ้านให้แสนสุข ปราศจากกลิ่นไม่พึงประสงค์

       3. หลายครอบครัวมักประสบปัญหากลิ่นเหม็นอับจากตู้เย็น เนื่องจากคุณแม่บ้านนิยมสะสมอาหารค้างคืนจนเต็มตู้ บางอย่างหมดอายุเป็นแรมปีก็ไม่ยอมทิ้งเพราะเสียดาย ลองจัดระบบการเก็บของในตู้เย็นให้เป็นสัดส่วน เช็ดทำความสะอาดภายในตู้เย็นด้วยเบกกิ้งโซดาผสมน้ำทุก 6 เดือน แล้วเปิดประตูระบายอากาศทิ้งไว้สักครู่ เพราะเบกกิ้งโซดาจะช่วยดูดกลิ่นเหม็น ดูดความชื้น แถมยังช่วยฆ่าเชื้อโรคได้อีกด้วย
     
       4. จะชวนเพื่อนมาเที่ยวบ้านใหม่ทั้งที แต่เจ้าของบ้านยังกังวลเรื่องกลิ่นเหม็นจากสี สารระเหย หรือกลิ่นน้ำยาเคลือบวัสดุต่างๆ ลองฝานหัวหอมใหญ่ 2-3 ลูก ตั้งทิ้งไว้ แม้จะมีกลิ่นฉุนแสบตาแต่ช่วยเรื่องการดูดซับกลิ่นได้เป็นอย่างดี เพียงเท่านี้คุณก็สามารถเปิดบ้านต้อนรับเพื่อนได้อย่างสบายใจ

ทำบ้านให้แสนสุข ปราศจากกลิ่นไม่พึงประสงค์

       5. ถ้ากลิ่นอันพึงประสงค์ยังคงวนเวียนอยู่ แม้จะกำจัดต้นเหตุของกลิ่น หรือทำความสะอาดไปแล้ว นั่นเป็นเพราะกลิ่นเหล่านี้ได้เปลี่ยนกลายเป็นโมเลกุลขนาดเล็กลอยอยู่ในอากาศ และเกาะติดตามพื้นผิว หรือส่วนต่างๆ ที่การทำความสะอาดเข้าไม่ถึง ทำให้กลิ่นเหล่านี้ยังคงตกค้างกลายเป็นกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ภายในบ้าน ทางออกคือต้องทำให้อากาศถ่ายเทเพื่อขจัดกลิ่นเหล่านี้ไป
     
       แต่ถ้าเกิดเป็นจุดหรือสถานที่ที่ไม่สะดวกที่จะทำดังนั้นได้ ให้เลือกผลิตภัณฑ์ปรับอากาศมาช่วยแก้ปัญหา โดยต้องดูให้เหมาะสมกับความต้องการและการใช้งาน เช่น ผลิตภัณฑ์ปรับอากาศแบบสเปรย์ เหมาะสำหรับเวลาที่ต้องการปรับอากาศให้หอมสดชื่นอย่างรวดเร็วเมื่อมีแขกที่มาเยี่ยมโดยไม่ทันตั้งตัว รวมถึงกลิ่นอาหารหลังทำครัวเสร็จ ส่วนผลิตภัณฑ์ปรับอากาศแบบตั้งโต๊ะ จะค่อยๆ ปล่อยกลิ่นหอมอย่างช้าๆ และยาวนานกว่า อีกทั้งยังสามารถปรับระดับความเข้มของกลิ่นให้ตรงความต้องการของตนเองได้อีกด้วย

10 วิธีกำจัดปลวกจอมแทะในบ้านให้สิ้นซาก

  วิธีกำจัดปลวกที่แอบซ่อนอยู่ในบ้านให้ตายยกรังไม่ใช่เรื่องยาก และวิธีกำจัดปลวกก็ไม่จำเป็นต้องจ้างบริษัทกำจัดปลวกเสมอไป เพราะการกำจัดปลวกให้หมดไปจากบ้านทำด้วยตัวเองได้ง่าย ๆ

          ปลวกในที่นี้ไม่ได้เป็นคำแซวใครนะจ๊ะ แต่เป็นน้องปลวกตัวจิ๋วที่ทรงพลังมากพอจะพังบ้านไม้ได้เป็นหลัง ๆ เลยทีเดียว และใครก็ตามที่เพิ่งค้นเจอรังปลวกอยู่ในบ้านก็ต้องรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ กันเป็นแถวแน่นอน เพราะถ้าขืนปล่อยปลวกให้แทะไม้ในบ้านเราได้อย่างสบายอารมณ์ ไม่วันใดก็วันหนึ่งบ้านคงพังทลายลงในไม่ช้า ฉะนั้นเราก็มาทำตามวิธีกำจัดปลวกในบ้านอย่างง่าย ๆ ตามนี้กันเถอะ

 1. เช็กสภาพไม้ก่อน

          หากสังเกตเห็นว่าไม้เป็นรูคล้ายโดนปลวกแทะ หรือเห็นซากไม้เป็นผงเกลื่อนพื้นตรงบริเวณที่ไม้เป็นจุด นั่นอาจจะแปลได้ว่า ตอนนี้รังปลวกได้บุกมาแทะไม้บ้านคุณแล้วจริง ๆ ทว่าถึงอย่างนั้นเราก็ต้องเช็กว่าเป็นปลวกตัวจริงเสียงจริงแน่หรือเปล่า โดยการเคาะดูก่อนก็ได้ หากได้ยินเสียงก้องหรือรู้สึกถึงความโหรงเหรงภายใต้พื้นไม้ อาจจะฟันธงไปได้เลยว่าเจอปลวกแน่แล้ว ทว่าหากยังไม่แน่ใจสามารถใช้สว่านเจาะเข้าไปตรงบริเวณที่เป็นรูก็ได้ หากเศษไม้หลุดออกมาเป็นแผ่นอย่างง่ายดายก็แปลว่าใช่เลย เตรียมกำจัดปลวกได้แล้วจ้า

 2. รู้จักชนิดของปลวก

          เราสามารถแบ่งแยกประเภทของปลวกในบ้านออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ ซึ่งก็คือ ปลวกใต้ดินกับปลวกไม้แห้ง โดยปลวกทั้ง 2 ชนิดนี้จะมีลักษณะการทำลายไม้่ที่ต่างกัน หากเป็นปลวกใต้ดินจะแทะไม้จากด้านในออกมาด้านนอก สร้างความเสียหายกับไม้เกือบทั้งหมด ส่วนปลวกไม้แห้งจะแทะกินเฉพาะเนื้อไม้ด้านใน โดยเว้นเนื้อไม้ด้านนอกไว้บาง ๆ ทำให้เหมือนไม้ไม่ได้ถูกทำลายไปสักนิดเดียว ดังนั้นแม้จะเห็นสภาพไม้ภายนอกดูไม่เป็นร่องเป็นรูก็อย่าไปไว้ใจเชียว

 3. สร้างกับดักล่อปลวก

          ขั้นแรกให้หาไม้กระดานแผ่นเรียบขนาดใหญ่พอประมาณ พรมน้ำให้ชื้น ๆ แล้วไปติดไว้ใกล้จุดที่ปลวกแอบซุ่มอยู่ ทิ้งไว้สักพัก (หรืออาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อย) เหยื่ออันโอชะที่เราติดไว้จะถูกปลวกรุมแทะอย่างเอร็ดอร่อย จากนั้นให้คุณรีบนำแผ่นไม้ไปเผาทิ้งทันที วิธีกำจัดปลวกอย่างนี้จะช่วยลดจำนวนปลวกในบ้านไปได้เยอะพอสมควร แต่ก็ยังไม่ถือว่าเป็นการกำจัดปลวกอย่างสิ้นซากนะคะ

 4. เลี้ยงไส้เดือนฝอย

          ไส้เดือนฝอยจะช่วยกำจัดปลวกใต้ดินให้เราได้เป็นอย่างดี ฉะนั้นคุณควรหาซื้อไส้ดินฝอยมาเลี้ยงไว้ในสวนบ้าง เพื่อให้ไส้เดือนฝอยช่วยจับปลวกมาเป็นอาหาร ลดประชากรปลวกในบ้านไปได้เยอะเลยทีเดียว

10 วิธีกำจัดปลวกจอมแทะในบ้านให้สิ้นซาก

 5. กำจัดปลวกด้วยแดดแรง

          ปลวกเก่งเฉพาะในที่มืดเท่านั้นล่ะค่ะ พอเจอแดดแรง ๆ เข้าหน่อยก็สิ้นชีพกันแล้ว ดังนั้นหากเฟอร์นิเจอร์ของคุณโดนปลวกบุกรุกจนเกือบแย่ ให้รีบนำเฟอร์นิเจอร์ไม้ชิ้นนั้นมาตากแดดจัด ๆ ประมาณ 2-3 วัน เพื่อกำจัดปลวกให้หมดไป

 6. เปิดฮีทเตอร์กำจัดปลวก

          ฮีทเตอร์อาจเป็นอุปกรณ์ที่ไม่มีความจำเป็นกับบ้านเราเลย แต่กลับมีประโยชน์กับการกำจัดปลวกสุด ๆ เพราะปลวกเองก็กลัวความร้อนอยู่เหมือนกัน ดังนั้นในจุดที่ไม่สามารถยกไปตากแแดดได้ก็จัดการเปิดฮีทเตอร์เผาปลวกซะเลย

 7. ลดความชื้นในบ้าน

          เมื่อไม้เจอกับความชื้นก็เข้าทางปลวกอย่างจัง ไม่เชื่อลองสังเกตตรงบริเวณที่มักมีปัญหาปลวกดูก็ได้ค่ะว่า ส่วนนั้นมีความชื้นค่อนข้างสูงด้วยกันทั้งนั้น อย่างนี้ก็แสดงว่าหากเราสามารถลลดความชื้นภายในบ้านได้ ก็เท่ากับช่วยป้องกันบ้านจากปลวกได้อีกทาง โดยการลดความชื้นที่ว่านี้อาจจะติดตั้งพัดลมดูดอากาศ หมั่นเปิดหน้าต่างระบายอากาศ เปิดม่านให้แสงแดดส่องถึง และติดตั้งเครื่องดูดความชื้นในกรณีที่บ้านคุณมีความชื้นค่อนข้างสูง หรืออยู่ในจุดที่ค่อนข้างอับ

 8. ฉีดยาฆ่าปลวก

          หากปลวกเพิ่งจะมาทำรังในบ้านคุณในวงแคบ ๆ อาจกำจัดไปได้ง่าย ๆ ด้วยการใช้ยาฉีดปลวกที่มีขายอยู่ตามท้องตลาดทั่วไปกำจัดปลวกซะ ทั้งนี้ก่อนฉีกควรเปิดหน้าต่างให้โล่ง จัดพื้นที่ให้มีอากาศถ่ายเท และสวมหน้ากากและถุงมือเพื่อความปลอดภัยด้วยทุกครั้ง

 9. อุดรูปลวก

          ตามผนังกำแพงหรือจุดไหนในบ้านที่เป็นรอยแยก เกิดความชำรุดเสียหายให้รีบซ่อมแซมโดยด่วน โดยอาจจะฉาบปูนเข้าไปใหม่หรือยาแนวให้แน่นหนา เพราะไม่เพียงแต่ร่องรอยแยกเหล่านี้จะเป็นช่องทางของปลวกเท่านั้น แต่มด แมลงสาบ และแมลงชนิดอื่น ๆ อาจใช่ช่องทางเดียวกันนี้เข้ามาบุกรุกบ้านคุณก็ได้

 10. พึ่งบริษัทกำจัดปลวก

          ในกรณีที่รู้ตัวอีกทีก็เจอปัญหาปลวกลามไปเกือบทั้งบ้านแล้ว การกำจัดปลวกอาจเกินกำลังเราไปนิด ดังนั้นควรยกหน้าที่นี้ให้กับบริษัทกำจัดปลวกมืออาชีพ ซึ่งเขาจะมีวิธีและอุปกรณ์ในการซอกซอนไปกำจัดปลวกถึงรังให้สิ้นซากได้ดีกว่าเรา

          ปัญหาปลวกไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ ดังนั้นหากคุณเจอปัญหาปลวกภายในบ้านก็อย่านิ่งดูดายนะคะ นำวิธีกำจัดปลวกเหล่านี้ไปใช้กันได้เลย

สารพัดวิธีเด็ด ป้องกันสุนัขอึหน้า “บ้าน”

เป็นอีกหนึ่งปัญหาเล็กที่อาจจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ของบ้าน นั่นก็คือปัญหาสุนัขที่อื่นมาอึหน้า เพราะมันทำให้หน้าบ้านของเราดูไม่สะอาด เรียบร้อย และที่สำคัญคือถ้าหน้าบ้านของเรากลายเป็นเหมือนห้องน้ำของสุนัขครั้งหนึ่งแล้ว มันก็มักจะมีครั้งถัดๆ ไปเสมอ
Sanook! Home จึงพยายามรวบรวมสารพัดวิธีป้องกันสุนัขมาอึหน้าบ้าน ซึ่งยอมรับว่ามีหลากหลายกลยุทธ์ บางคนลองวิธีหนึ่งแล้วได้ผล แต่พอลองวิธีอื่นไม่ได้ผล เราก็เลยรวบรวมมาไว้ให้ทุกคนได้ทดลองกันหลายๆ วิธี เพราะปัญหาขี้หมานี่มันไม่ใช่ขี้ๆ นะคะ
1.เปลี่ยนสถานที่ขับถ่ายของสุนัขให้กลายเป็นสถานที่กิน ในที่นี้หมายความว่าสุนัขมักจะขี้ทับกลิ่นเดิมๆ ที่มันเคยขี้ ดังนั้นคุณอาจจะล้างบริเวณนั้นให้สะอาด แล้วเปลี่ยนเป็นการนำอ่างหรือชามอาหารสุนัขไปตั้งแทน (เนื่องจากโดยปกติแล้วสุนัขจะไม่ขี้ในบริเวณที่เป็นที่กินอาหารของมัน)
2.ใช้พริกไทยป่นโรยตรงบริเวณที่สุนัขมาขับถ่าย โดยอาจจะโรยวันเว้นวันแล้วเช็คผลดูว่ามันกลับมาขี้ตรงบริเวณนั้นอีกหรือเปล่า แต่สำหรับบางคนก็กังวลว่าพอมีลมพัด หรือฝนตกกลิ่นพริกไทยจะจางไป ดังนั้นจึงต้องหมั่นทำ
3.น้ำส้มสายชูผสมน้ำฉีด เป็นอีกวิธีการไล่สุนัขไม่ให้มาขับถ่ายหน้าบ้านที่ฮิตมาก โดยเรานำน้ำส้มสายชูอาจจะใช้ปริมาณมากหน่อยผสมกับน้ำแล้วฉีดตรงบริเวณที่สุนัขมักมาทำภารกิจ แต่แนะนำว่าควรจะฉีดแบบวันเว้นวันให้กลิ่นติด สุนัขจะได้ไม่แอบมาอึตรงนั้นอีก
4.น้ำหมักชีวภาพ ปกติเราเองพอเปิดขวดน้ำหมักชีวภาพออกมาก็แทบจะสะดุ้งอยู่แล้ว เพราะกลิ่นมันแรงได้ใจมาก วิธีการก็คือราดน้ำหมักชีวภาพตรงบริเวณที่สุนัขชอบไปขับถ่าย เมื่อมันได้กลิ่นฉุนมันก็จะเลิกมารบกวนเอง นอกจากนี้ยังอาจใช้พวกน้ำมันสน น้ำมันก๊าด แอมโมเนีย ลูกเหม็นมาลองราดหรือโปรยบริเวณนั้นด้วยก็ได้
5.ขวดพลาสติกใส่น้ำตั้งสะท้อนเงา วิธีการนี้ผมไม่เคยลอง แต่มีคนแนะนำให้ทำเพราะเหมือนกับว่าสุนัขมันจะเห็นเงาสะท้อนจากขวดน้ำแล้วคิดว่าเป็นสุนัขอีกตัวหนึ่ง ทำให้ไม่กล้ามาอึในบริเวณนั้น
6.น้ำส้มสายชูแล้วตามด้วยเบกกิ้งโซดา ส่วนผสมเหล่านี้คงคุ้นเคยกันดีสำหรับทำความสะอาดข้าวของเครื่องใช้ในบ้าน แต่หากลองปรับมาใช้ไล่สุนัขได้ก็ดีเหมือนกันนะคะ
7.ใช้กระจก บางคนอาจนำกระจกส่องเงาบานเล็กๆ คิดไว้บริเวณนั้นเพื่อสะท้อนเงาของสุนัข ซึ่งเป็นหลักการคิดแบบเดียวกับการใช้ขวดน้ำใส่น้ำตั้งหน้าบ้าน
หวังว่า 7 วิธีเหล่านี้น่าจะพอเป็นไอเดียให้ทุกคนลองนำไปใช้ดูนะคะ ได้ผลหรือไม่ได้ผลอย่างไรมาเล่าให้ฟังหรือเสนอแนะวิธีที่คุณคิดว่าเวิร์คได้นะคะ

10 วิธีตรวจรับบ้านใหม่ที่ใครๆ ก็ควรรู้

“การตรวจรับบ้าน” ถือเป็นปราการด่านสุดท้ายที่เจ้าของบ้านใหม่ไม่ควรละเลย การใส่ใจเช็คความเรียบร้อยในส่วนต่างๆ ทั้งภายนอกและภายใน เพื่อให้คุณไม่ต้องหัวหมุนเมื่อพบปัญหาในภายหลัง วันนี้เรามีวิธีตรวจรับบ้าน 10 ประการเพื่อบ้านใหม่ของคุณครับ

1. งานระบบสุขาภิบาล ส่วนสำคัญในบ้านที่ต้องการๆ ทดลองใช้จริง คุณอาจต้องลองใช้งานสุขภัณฑ์ทุกตัว เปิดก๊อกน้ำเพื่อดูการไหลของน้ำ ตรวจดูการทำงานของวาล์วทุกตัวว่าใช้งานได้ไหม ตรวจดูว่าช่องน้ำล้นทำงานได้ดีหรือไม่ โดยการขังน้ำไว้ในเครื่องสุขภัณฑ์ อย่างอ่างล้างหน้า อ่างอาบน้ำ หรืออ่างล้างจาน จนน้ำเต็ม แล้วคอยดูว่าน้ำไหลระบายได้สะดวกไหม แล้วปล่อยน้ำออกทันที ถ้าน้ำไหลไม่สะดวก เกิดเสียงดังปุดๆ สันนิษฐานได้ว่าไม่มีท่ออากาศ ท่ออากาศอุดตัน หรือทำท่ออากาศเล็กเกินไป

2. ระบบไฟ ให้เปิดทุกดวงทั้งในและนอกบ้าน เพื่อตรวจดูว่าสามารถใช้งานได้ครบทุกดวงหรือไม่ ทดลองใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ เพื่อดูการทำงาน สำหรับสวิตช์ไฟฟ้าให้ลองเปิด ปิด เตรียมอุปกรณ์ไฟฟ้าที่เสียบปลั๊กไปด้วย

3. การระบายน้ำ ให้ลองเอาน้ำมาราด หรือฉีดน้ำให้ทั่วพื้นที่ แล้วสังเกตดูทิศทางการระบายน้ำ ว่าไหลลงสู่ท่อระบายน้ำหรือไม่ ความลาดเอียงของพื้นเพียงพอให้น้ำระบายได้อย่างสะดวกหรือเปล่า ผิวพื้นยุบตัวเกิดเป็นแอ่งน้ำขังหรือไม่ หากเกิดอาการที่ว่าก็ควรแก้ไข อนุโลมไม่ได้

4. พื้น ตรวจสอบด้วยการการสังเกต และการสัมผัส เช่นว่าพื้นผิวเรียบดี หรือแอ่น และโก่งตัวที่อาจมีสาเหตุมาจากโครงสร้าง ในด้านการพิจารณาวัสดุมี

5. ผนัง ที่มีลักษณะเหมือนการแตกลายงาที่พื้นผิว ซึ่งเกิดจากการแยกตัวของปูนฉาบที่แห้งไม่สม่ำเสมอกัน สามารถแก้ไขได้ด้วยการโป๊สี บางรอยเกิดจากปูนฉาบล่อน เพราะไม่เกาะตัวกับวัสดุก่อผนัง วิธีแก้ไขคือ การสกัดปูนฉาบหน้าออกแล้วฉาบทับใหม่ แต่งสีให้เหมือนเดิม

6. ฝ้าเพดาน ได้ระดับเสมอกันตลอดทั้งห้อง รอยต่อของตัววัสดุจะต้องได้แนวได้ฉาก แผ่นฝ้าเไม่เป็นริ้วคลื่นจนขาดความสวยงาม เว้นระยะห่างให้เท่ากันโดยตลอด ฝ้าเพดานที่ปิดโครงหลังคา จะต้องสังเกตดูว่ามีร่องรอยน้ำรั่วมาจากหลังคาหรือไม่ ถ้ามีก็ควรบอกให้ช่างแก้ไข หาสาเหตุของน้ำรั่วซึม

7. งานสี ให้ดูที่ความสม่ำเสมอของเนื้อสี ความกลมกลืน สม่ำเสมอ ไม่มีรอยด่าง เนื้อสีไม่ลอกหลุดล่อนหรือปูดโปน

8. ประตู หน้าต่าง ตรวจดูอุปกรณ์ประกอบต่างๆ ทั้งมือจับ บานพับ กลอนประตู หน้าต่าง ติดตั้งได้เรียบร้อยหรือไม่ ตำแหน่งในการติดตั้งต้องถูกต้อง ได้แนวได้ระดับดูสวยงาม ไม่เอียงไปข้างใดข้างหนึ่งจนใช้งานลำบาก การเจาะรูกลอนประตู หน้าต่างต้องเรียบร้อย ไม่ฉีกหรือแหว่ง ตำแหน่งของรูกลอนต้องพอดีกับกลอน ไม่หลวมหรือฟิตจนเกินไป ต้องลองใช้งานให้ประตู หน้าต่างทุกบานปิด เปิดได้สะดวก ไม่ติดขัดหรือเกิดเสียงดังขณะใช้งาน กลอนและกุญแจทุกตัวใช้งานได้จริง ลูกฟักบนบานประตูได้ดิ่ง ได้ฉาก ได้ระดับ ขนาดของกรอบบานลูกฟักเจาะเป็นช่องขนาดเท่ากัน

9. หลังคา การตรวจสอบไม่ให้มีการรั่วซึมของน้ำ สามารถทำได้ด้วยการฉีดน้ำให้ทั่วหลังคา แล้วตรวจดูว่ามีการรั่วซึมหรือไม่ โดยการสังเกตร่องรอยน้ำหยดที่พื้นหรือคราบน้ำที่ฝ้าเพดาน

10. มาตรการป้องกันความร้อน ส่วนสำคัญสุดท้ายที่ควรได้รับการใส่ใจของบ้านใหม่ในปัจจุบัน ได้แก่มาตรการป้องกันความร้อน โดยสังเกตก่อนว่าบ้านของเราหันหน้าไปทางทิศใด โดยหากพบว่ามุมใดที่หันไปทางทิศที่ปะทะความร้อนมากที่สุดอย่างทิศใต้ ให้มองหาว่าโครงการได้ติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันส่วนนั้นอย่างไรบ้าง เช่นการเลือกใช้แผงระแนงกันแดด ที่ช่วยกรองแสงแดดไม่ให้ซึมซับเข้าสู่ตัวบ้านอย่างเต็มๆ การเลือกใช้วัสดุนวัตกรรมใหม่อย่างฝ้าระบายอากาศ หรือแผ่นฝ้าสมาร์ทบอร์ดหรือไม่ โดยหากไม่มีการใช้แนะนำให้เปลี่ยนให้เป็นแบบป้องกันได้ เลือกที่จะลงทุนตั้งแต่เริ่มต้นจะได้ไม่ต้องทุกข์ทนกับความร้อน และค่าไฟจากการเปิดแอร์คอนดิชั่นนะครับ

สิ่งต้องคำนึงในการปลูกต้นไม้ใหญ่

คำถามๆ หนึ่งซึ่งคนรักบ้านหลายๆ คนมักจะตั้งคำถามไว้ในใจเมื่อเรามีบ้านที่มีอาณาบริเวณไว้สำหรับปลูกต้นไม้ภายในรั้วก็คือ เราจะ ปลูกต้นไม้ชนิดไหนดี ให้เหมาะกับขนาดของพื้นที่ และการเจริญเติบโตของต้นไม้นั้นต้องไม่เป็นภาระให้กับผู้ปลูก รวมไปถึงไม่รบกวนโครงสร้างหรือเป็นอันตรายต่อตัวบ้าน ซึ่งจะว่าไปแล้ว โจทย์เรื่องการเลือกต้นไม้ใหญ่ไว้ปลูกภายในบ้านนี้ ก็มีผู้รู้หลายท่านออกมาให้คำแนะนำที่ดีกันอยู่เรื่อย ๆ น่ะนะคะ


แต่ก่อนอื่นที่เราจะข้ามไปถึงการเลือกพรรณไม้ที่เหมาะสมกับการปลูกในอาณาบริเวรบ้านของเรา เราควรต้องคำนึงถึงเรื่องอื่นกันก่อนค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการพิจารณา "ที่ว่าง" ที่จะนำต้นไม้มาลง ว่าเพียงพอหรือไม่,ทิศทางของการปลูก รวมไปถึงการเตรียมดินให้พร้อมสำหรับการปลูกต้นไม้ ดังนัั้นในวันนี้บ้านแสนรักจะมาแนะนำข้อควรคำนึงก่อนการปลูกต้นไม้ใหญ่ในบ้านกันก่อนค่ะ

ขนาดของพื้นที่ที่จะปลูก สำหรับขนาดของที่ดินที่จะทำการปลูกไม้ใหญ่นั้น โดยทั่วไปควรมีขนาดไม่ต่ำกว่า 2x2 เมตรค่ะ ซึ่งหากพื้นที่เล็กกว่านี้ ก็จะมีปัญหาทั้งในเรื่องของระบบรากของต้นไม้และกิ่งก้านสาขาของไม้ใหญ่เอง ซึ่งนอกจากจะรบกวนโครงสร้างบ้านแล้ว ยังเป็นภาระให้ต้องคอยดูแลตัดแต่งกิ่งก้านสาขาบ่อยอีกด้วย

นอกจากจะต้องมีการจัดสรรพื้นที่ให้มากพอสำหรับการปลูกต้นไม้ใหญ่แล้ว การเลือกพันธุ์ไม้ก็มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันค่ะ ส่วนใหญ่แล้ว พันธุ์ไม้ที่เหมาะสมสำหรับบ้านที่มีที่ว่างน้อย มักเป็นพันธุ์ไม้ให้ร่มเงาที่โตช้า,ไม่มีระบบรากชนิดแผ่ (เป็นระบบรากแนวดิ่ง) อีกทั้งควรเลือกพันธุ์ไม้ที่ไม่มีโรคและแมลงมาเบียดเบียนมากนัก มีการผลัดใบน้อยหรือไม่ผลัดใบ ซึ่งจะช่วยลดภาระในการเก็บกวาดทำความสะอาดพื้นที่ลงได้มาก

นอกจากนี้แล้วการเตรียมดินให้เหมาะสมสำหรับการปลูกพันธุ์ไม้ก็มีความสำคัญเช่นกัน ในตอนหน้าเรามาดูชนิดของดินที่เหมาะสมสำหรับการปลูกต้นไม้ในบ้านของเรากันนะคะ

10 วิธีป้องกันขโมยขึ้นบ้าน

ในสภาพสังคมปัจจุบันที่มีภัยอันตรายอยู่รอบตัว โดยเฉพาะอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับที่พักอาศัยของคุณ เห็นได้จากตามข่าวหนังสือพิมพ์ หรือรายการข่าวทางทีวี ที่มักจะมีข่าวเรื่องการ ยกเค้า ย่องเบา ตามบ้านเรือนของสุจริตชนมากมาย บางรายก็ได้ทรัพย์สินไปมากบ้างน้อยบ้าง หรือที่แย่กว่านั้น บางรายนอกจากต้องสูญเสียทรัพย์สินเงินทองแล้ว  ยังเป็นอันตรายถึงชีวิตด้วยก็มี ดังนั้นหากเราสามารถป้องกันอันตรายต่าง ๆ ไว้ก่อนได้ ก็นับว่าเป็นสิ่งที่ควรกระทำเป็นอย่างยิ่งค่ะ

ในวันนี้ “มาเจสเทค” นำเอา ข้อควรปฏิบัติ เพื่อการป้องกันมิจฉาชีพและเพิ่มความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินภายในบ้านของเรามาฝากกันค่ะ มาดูกันนะคะว่ามีวิธีใดบ้าง....

1.ประตู ประตู ถือเป็นสุดเสี่ยงที่สุดจาการถูกบุกรุก ดังนั้น การเลือกใช้ประตู ควรจะเลือกชนิดที่มีความแน่นหนา ใช้วัสดุที่แข็งแรงทนทาน ยากต่อการทำลาย ช่องว่างระหว่างบานประตูกับวงกบไม่ควรห่างกันเกิน 1/8 นิ้ว และบานพับประตูจะต้องอยู่ภายในอาคาร เพื่อยากจากการถอดจากด้านนอก และควรมีตาแมวไว้สำหรับดูคนภายนอกได้ หากบ้านไหนเป็นประตูเลื่อน ควรจะเอาไม้มาวางในร่องหรือรางของประตูเวลาที่เราปิด เพื่อป้องกันการบุกรุกอีกชั้นหนึ่ง เนื่องจากประตูบานเลื่อนเป็นประตู ที่งัดแงะ ได้ง่ายที่สุดค่ะ
ดังนั้นการเพิ่มความแข็งแรงและความปลอดภัยให้กับประตู ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง การติดตาข่ายนิรภัยเข้ากับประตู จึงเป็นอีกทางเลือกที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจในความปลอดภัย ซึ่งมาเจสเทคมีประตูนิรภัยหลากหลายแบบ ที่สามารถเข้ากับบ้านได้ทุกสไตล์ ทั้งยังมั่นใจได้ในความปลอดภัยจากเหล่ามิจฉาชีพ เพราะมีระบบล็อคหลายตำแหน่ง ทำให้ยากต่อการงัดแงะ สามารถดูตัวอย่างประตูนิรภัยมาเจสเทคได้ที่ www.majestec.co.th ค่ะ

2.หน้าต่าง หน้าต่างที่อยู่ชั้นล่างของตัวอาคาร ควรจะมีล็อคที่ดีค่ะ เนื่องจากหน้าต่างเป็นอีกช่องทางที่ผู้บุกรุกจะเข้ามาได้ง่ายอีกทางหนึ่ง หากจำเป็นให้คำนึงถึงการติดตาข่ายนิรภัยหรือเหล็กดัดไว้บ้าง แต่ต้องให้แน่ใจว่า จะสามารถถอดได้นะคะ เพราะหากมีเหตุอัคคีภัย หรือ เหตุฉุกเฉินอื่นๆ ที่ไม่มีทางออกอื่น เราจะได้หนีออกมาทางหน้าต่างได้อย่างทันท่วงที หากบ้านไหนมีทางออกเร่งด่วนไว้เผื่อกรณีฉุกเฉิน ก็จะเป็นการดีค่ะ มาเจสเทค มีหน้าต่างนิรภัยที่เหมาะสำหรับเป็นทางออกฉุกเฉิน หรือ ทางออกเร่งด่วนในกรณีเกิดเหตุไม่คาดฝัน ซึ่งมีกลไกลการเปิด - ปิดอยู่เฉพาะภายในบ้าน ไม่จำเป็นต้องใช้ชุดอุปกรณ์ตัวล็อค และทิศทางการเปิดจะมีลักษณะเดียว คือ เปิดออกนอกบ้าน ซึ่งถ้ามองจากภายนอก จะเห็นเหมือนกับบานปิดถาวร นอกจากนี้ มาเจสเทค ยังมีหน้าต่างนิรภัยอีกหลากหลายแบบที่เหมาะกับการใช้ในลักษณะต่าง ๆ โดยสามารถดูรายละเอียดได้ที่ www.majestec.co.thค่ะ

3.ระบบล็อค ประตู-หน้าต่างทุกบาน ควรมีระบบล็อคที่ดี รวมถึงประตูมุ้งลวดและประตูเฉลียง ถึงแม้จะอยู่ชั้น 2 ก็ควรจะมีระบบล็อคที่แน่นหนา และควรปิดล็อคทุกครั้งที่ออกจากบ้าน เนื่องจาก 50% ของการบุกรุก เกิดจากการบุกรุกผ่านประตูที่ไม่ได้ล็อค

4.กุญแจ อย่าซ่อนกุญแจไว้นอกบ้าน เช่น กระถางต้นไม้ หากจำเป็น ควรฝากกุญแจไว้กับเพื่อนบ้านที่ไว้ใจได้จะดีกว่า ที่สำคัญก็คืออย่าให้กุญแจไว้กับช่าง หรือ คนที่มาส่งของ อย่าเขียนชื่อ-ที่อยู่ไว้กับพวงกุญแจ หรือ เขียนกำกับที่กุญแจว่าดอกไหนใช้กับห้องอะไร เพราะหากทำกุญแจหาย แล้วผู้ที่เก็บได้อาจเป็นขโมย และตามมายกเค้าที่บ้านได้ค่ะ และทำกุญแจหาย อย่าเสียดายนะคะ ควรเปลี่ยนกุญแจใหม่ทั้งหมดทันทีเพื่อความปลอดภัยค่ะ

5.สิ่งของที่อยู่นอกบ้าน  สิ่งของที่วางอยู่ในบริเวณสนามหญ้า เช่น เครื่องตัดหญ้า หรือเตาบาร์บีคิว เป็นเป้าหมายที่ง่ายสำหรับการขโมย ดังนั้นการป้องกันที่ดีที่สุด คือ การเก็บสิ่งของเหล่านี้ไว้ในห้องเก็บของ หรือโรงรถที่ล็อคได้ ถ้าจำเป็นที่จะต้องวางสิ่งของไว้นอกบ้าน ควรจะหาอะไรคลุมให้มิดชิด ไม่ให้เป็นเป้าสายตา และประตูรั้วควรจะปิดล็อคอย่างแน่นหนา

6.ดูแลตัดแต่งพุ่มไม้และติดไฟฟ้าให้สว่างเสมอ เฉลียงและทางเข้าอื่นๆ ควรจะติดไฟให้สว่าง บ้านที่ติดไฟสว่าง จะปลอดภัยกว่าบ้านที่ปิดไฟมืด หรือไม่มีไฟ และหากมีพุ่มไม้ที่ใหญ่โตเกินไป จะทำให้ขโมยมีที่ซ่อน ควรหมั่นตัดเล็มให้มีขนาดพอสมควร การปลูกพุ่มไม้ที่มีหนาม เช่น ตะบองเพชรไว้ใต้หน้าต่าง จะป้องกันผู้บุกรุกได้ดียิ่งขึ้น และให้โรยกรวดขนาดใหญ่ไว้รอบบ้าน เพื่อให้เกิดเสียง เมื่อมีคนเดินย่ำค่ะ

7.การใช้เทคโนโลยีป้องกันขโมยประเภทต่าง ๆ  ปัจจุบันนี้มีเทคโนโลยีที่ช่วยปกป้องชีวิตและทรัพย์สินที่นำมาติดตั้งกับอาคารบ้านเรือนหลายชนิดด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นกล้องวงจรปิด สัญญาณกันขโมย ฯลฯ เพื่อเสริมการปกป้องบ้านของเราได้อีกทางหนึ่ง

8.ทำให้บ้านของเราเหมือนมีคนอยู่ตลอดเวลา เวลาออกไปข้างนอกในตอนกลางคืน ให้เปิดไฟและวิทยุทิ้งไว้ อย่าเปิดไฟดวงเล็กตามทางเดิน หรือมุมห้อง เนื่องจากการกระทำเช่นนี้ จะแสดงให้เห็นว่าไม่มีใครอยู่บ้าน และหรี่เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ให้ต่ำสุด ถ้าขโมยได้ยินเสียงโทรศัพท์ดัง แล้วไม่มีคนรับสาย จะรู้ได้ทันทีว่าไม่มีคนอยู่บ้าน ถ้าคุณไม่อยู่บ้านในตอนกลางวัน หรือไปต่างจังหวัด ก็ควรจะใช้เครื่อง เปิด-ปิดอัตโนมัติ เพื่อเปิด- ปิดไฟและวิทยุตามเวลาที่กำหนด และอย่าฝากข้อความไว้ ในเครื่องรับโทรศัพท์ว่าจะไม่อยู่บ้าน หรือกำลังอยู่นอกบ้านนะคะ

9.อย่าให้ความช่วยเหลือขโมยทางอ้อม เครื่องมือต่างๆ เช่น ฆ้อน เลื่อย ประแจ ไขควง ฯ อย่าวางทิ้งไว้ควรเก็บเข้าตู้ หรือห้องเก็บของ และล๊อคให้เรียบร้อย มิฉะนั้น จะเป็นการช่วยให้ขโมยสามารถเอาเครื่องมือเหล่านั้นมาใช้บุกรุกบ้านของเราเอง

10.อย่าทิ้งเบาะแสล่อตาขโมย ทีวี เครื่องเสียง หรืออุปกรณ์ใช้สอยอื่นๆ ที่ซื้อมาใหม่ อย่าโยนกล่อง-ทิ้งไว้ในถังขยะหน้าบ้านนะคะ (เก็บพับขายดีกว่า ได้เงินด้วย) เพราะจะเป็นการล่อตาล่อใจให้น่าเข้ามาขโมย ถ้าไม่อยู่บ้านนานๆ ควรให้เพื่อนบ้าน ที่ไว้ใจได้ช่วยเก็บจดหมาย หรือหนังสือพิมพ์ไว้ให้ค่ะ และอย่าทิ้งโน๊ตไว้ที่ประตู ว่าไม่อยู่บ้าน เพราะอาจกลายเป็นเบาะแสล่อตาให้ขโมยทั้งหลายนะคะ
ไม่ยากเลยใช่มั๊ยคะ กับคำแนะนำต่างๆ ทั้ง 10 ข้อข้างต้น ที่คุณสามารถนำไปปรับใช้เข้ากับบ้านแสนรักเพื่อป้องกันคุณและคนที่คุณรักจากมิจฉาชีพได้แล้วค่ะ หากแฟนๆคนไหนมีข้อเสนอแนะหรือสอบถามเพิ่มเติม เพื่อแบ่งปันข้อมูลกัน แสดงความคิดเห็น (comment) กันมาได้เลยค่ะ มาเจสเทคยินดีรับฟังทุกความคิดเห็นของคุณ แล้วพบกับข่าวสารดีๆ ที่มาเจสเทคจะนำมาฝากใหม่คราวหน้าค่ะ